เรียนรู้อย่างเข้าใจ Carbon Credit และ Carbon Footprint เพื่อโลก-เพื่อเรา

เรื่องคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ได้จัดอยู่ในเรื่องที่เข้าใจยาก ของยุคปัจจุบันนี้ ในขณะที่นักวิชาการก็พยายามลงลึกเนื้อหาเพื่อให้ได้รับความรู้อย่างกระจ่างชัด จนบางครั้งอาจยากแก่การเข้าใจของปุถุชนคนเดินดินอย่างเราๆ จึงมีกลุ่มที่อาจจะเรียกว่า “Startup” ได้พยายามย่อยเรื่องคาร์บอนทั้งหลายให้สามารถเรียนรู้และเข้าใจง่ายๆ ในเวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง เกิดขึ้นมากมาย

สำหรับบทความเพียง 2-3 หน้านี้ จึงพยายาม จับประเด็นและร้อยเรียงถ้อยคำที่เข้าใจไม่ยากให้ท่านผู้อ่าน ได้เข้าใจพื้นฐานให้เพียงพอจะร่วมวงสนทนา หรือปรับแผนธุรกิจรองรับเรื่องของคาร์บอนที่กำลังจะเปลี่ยนผ่าน จากภาคสมัครใจมาเป็นภาคบังคับในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว



ขอไม่อธิบายว่าทำไมโลกร้อน แต่นักวิทยาศาสตร์ สามารถยืนยันได้ว่าหากอุณหภูมิของโลกสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส จากเดิมที่เคยเป็นอยู่ มนุษย์จะดำรง ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจ กับคำศัพท์ใหม่ๆ อย่างน้อย 2 คำ คือ คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ทั้ง 2 คำเป็นความเหมือนที่แตกต่าง ท่านที่สนใจ หรือเริ่มเรียนรู้เรื่องของคาร์บอน ควรศึกษาจากอินโฟกราฟิก ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานนี้ เพื่อจะได้เห็นภาพรวมก่อนจะไปต่อ​



1. สัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทยเมื่อ พ.ศ. 2562 รวมทั้งสิ้น 372.8 ล้านตันคาร์บอนเทียบเท่า (TCO2e) คิดเป็น 0.88% ของ ทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับ 9 ของโลก เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ของโลก

2. คาร์บอนหรือก๊าซเรือนกระจกเกิดขึ้นจากภาคพลังงานสูงถึง 69.96% ภาคเกษตร 15.23% ภาคอุตสาหกรรม 38.3% และของเสีย 16.9% ดังนั้นจึงควรแก้ไขในส่วนที่ส่งผลกระทบมากเป็นพิเศษ จึงไม่ต้องแปลกใจ ที่ถนนทุกสายมุ่งมาลดคาร์บอนที่ภาคพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งเชื้อเพลิงชีวภาพต่างๆ รวมถึงน้ำมันที่ใช้กับ เครื่องบิน (SAF) ซึ่งถูกจับตาว่าสร้างมลพิษอย่างมากมาย สำหรับภาค เกษตรกรรม สิ่งที่น่ากังวลก็คือ การปลูกข้าวที่ยังต้องใช้ระบบน้ำขัง ทำให้ เกิดก๊าซมีเทน สำหรับภาคอุตสาหกรรมถึงแม้จะมีตัวเลขค่อนข้างสูงเป็น อันดับที่ 2 แต่ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะมีมาตรการในการลดคาร์บอน เพื่อให้สามารถขายสินค้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าส่งออก สำหรับ ของเสีย ซึ่งรวมถึงขยะชุมชนและขยะอุตสาหกรรม ได้มีเทคโนโลยีการนำ ของเสียเหล่านี้มาใช้เป็นพลังงาน แถมยังอาจได้คาร์บอนเครดิตและ ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลงอีกด้วย



กลไกการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศ ที่เราเรียกว่า T-VER ม กิจกรรมต่างๆ มากมาย ตั้งแต่พลังงานหมุนเวียน การประหยัดพลังงาน ไปจนถึงการปลูกต้นไม้ ฯลฯ โดยปริมาณของก๊าซเรือนกระจกที่ลดหรือ กักเก็บได้ เราเรียกว่า คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) เป็นคำที่เรา ต้องจำและเข้าใจไปตลอด อีกคำศัพท์ที่เราต้องทั้งจดทั้งจำไปตลอดกาล ก็ว่าได้คือ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint)



\



คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO) หมายถึง ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมของ องค์กร ตั้งแต่การใช้เชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้า การขนส่ง ไปจนถึง การจัดการของเสีย โดยพิจารณาจาก 3 ส่วนหลัก ที่เราเรียก จนชินว่า สโคป (Scope) ดังนี้ (โปรดดูภาพประกอบเพื่อความ เข้าใจมากยิ่งขึ้น)



Scope 2 : ทางอ้อม (Indirect Emissions) คือ การใช้พลังงานจากภายนอก โดยการซื้อเข้ามาใช้ ตัวอย่างเช่น ไฟฟ้า หรือไอน้ำ



คาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) หมายถึง ปริมาณก๊าซ เรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วย ตลอดวัฏจักรชีวิต ของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่วัตถุดิบ การผลิต การจัดจำหน่าย การขนส่ง ไปจนถึง การใช้งานและจัดการของเสีย





Post : 2025-11-07

Copyright 2025 By ศูนย์เรียนรู้การจัดการสิ่งแวดล้อม ขยะ ของเสีย และพลังงาน สู่ความยั่งยืน (มรภ.สงขลา)